ชื่อวิทยาศาสตร์ (Scientific name) Sphaceloma ampelinum de Bary, 1874 for Elsinoë ampelina Shear, 1929
ชื่อพ้อง (Synonym)
Phylum Ascomycota
Class Dothideomycetes
Order Myriangiales
Family Elsinoaceae
Genus Elsinoë
Species ampelina
Race/Pathover
ชื่อโรคภาษาไทย (Disease name, Thai) ใบแอนแทรคโนสองุ่น (โรคสแคบองุ่น)
ชื่อโรคภาษาอังกฤษ (Disease name) Anthracnose of grapevine
เชื้อ Sphaceloma ampelinum เขาทําลายเนื้อเยื่อที่กําลังเจริญทุกสวน ไดแก ใบออน เถาออน ยอดออน และมือเกาะ โดยมักจะพบอาการของโรคในระยะติดผลจนถึงอายุ 2 เดือน อาการที่ผลออนจนผลเริ่มเปลี่ยนสีในบริเวณที่เชื้อเขาทําลาย เป็นแผลลักษณะยุบตัว บิดงอ ตอมาจะคอยๆ เปลี่ยนเปนสีน้ําตาล เทาและดํา ลักษณะคลายลูกตานก (bird’s eye rot) อาการที่ใบจะมีลักษณะฉ่ําน้ํา เปนจุดสีน้ําตาลขนาดเล็กถาอากาศรอนจัด บริเวณสีน้ําตาลจะเกิดเปนรอยใบทะลุ หากสภาพอากาศเหมาะตอการเจริญของเชื้อ จุดแผลที่เกิดขึ้นจะลุกลามติดตอถึงกัน ทําใหเกิดอาการใบแหงลงอยางรวดเร็วและรวง กรณีที่เชื้อเขาทําลายบริเวณ เสนใบ จะทําใหใบมวนงอลงดานลาง อาการบนเถาออนและมือเกาะเปนแผลสีน้ําตาลแดงถึงสีดํา มีลักษณะเปนตะปุมตะปา กลางแผลยุบตัวลงมีสีเขม แผลของโรคสแคบเปนแผลตกสะเก็ด อาจปริเล็กนอย ไมแตกเปนรองลึก เนื้อใบรอบแผลไมเปนวงสีเหลือง (halo) ส่วนของพืชที่ถูกทำลาย: ใบ เถา ผล
พืชอาศัยหลัก (Main host)
องุ่น : grapevine (Vitis vinifera Linn.)
พืชอาศัยอื่นๆ (Other host)
แบคลเบอรี่ : blackberry (Rubus fruticosus)
ลาสเบอรี่ : raspberry (Rubus idaeus)
เชื้อสะสมอยู่ในเศษซากพืชที่เป็นโรคที่ตกค้างบนต้นและในแปลง
ในป ค.ศ. 1874 De Bary พบโรคสแคบในแหลงปลูกองุนทางภาคตะวันออกของอเมริกา เปนครั้งแรกและรายงานวาเกิดจากเชื้อ Sphaceloma ampelinum ตอมามีการรายงานการเขาทําลายองุนในหลายประเทศ เชน ชิลี บราซิล คิวบา ออสเตรเลีย นิวกินี แซมเบีย อังกฤษ สเปน ญี่ปุ่น อาฟกานิสถาน อิหร่าน จีน พม่า อินเดีย แคนาดา และทั่วโลก ในประเทศไทยรายงานการพบโรคนี้ครั้งแรกเมื่อป พ.ศ. 2506 ที่อําเภอ ปากชอง จังหวัดนครราชสีมา เรียกโรคนี้วา โรคแอนแทรคโนส โรคสแคบ หรือโรคอีบุบ ต่อมาพบในหลายจังหวัดที่ปลูกองุ่น เช่น นครราชสีมา ชลบุรี
มักเกิดการระบาดขึ้นเมื่อมีฝนตกอยางหนักนาน 24 ชั่วโมงหรือมากกวา และอุณหภูมิที่เหมาะสมในการแพรของเชื้ออยูระหวาง 24-26°ซ
-พนสารปองกันกําจัดเชื้อราใหเพียงพอตั้งแตระยะชอดอกใบออนและใบแก สารเคมีที่ใหผลดีไดแกคารเบนดาซิม
-ควรหลีกเลี่ยงการตัดแตงกิ่งใหออก ดอกติดผลในชวงที่มีฝนตกชุก เนื่องจากเชื้อนี้จะเขาทําลายพืชไดดีในชวงฤดูฝน และควรนําสวนที่ เปนโรคไปทําลายนอกแปลงปลูก
-สารสกัดจากผลยอแกที่ระดับความเขมขน 10,000 ppm มี ประสิทธิภาพในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อที่สรางเสนใยและโคนิเดีย สวนสารสกัดจากผลมะตูมที่ระดับความเขมขน 10,000 ppm สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อที่สรางไดเฉพาะโคนิเดีย
[1] กรรณิการ์ เพี้ยนภักตร์. 2547. Sphaceloma spp.สาเหตุโรคสแคปของพืชต่าง ๆ ในประเทศไทย: เอกสารวิชาการลำดับที่ 25/2547. กรมวิชาการเกษตร 76 หน้า.
[2] Poolsawat, O., Tharapreuksapong, A., Wongkaew, S., Reisch, B. and Tantasawat, P. (2010), Genetic Diversity and Pathogenicity Analysis of Sphaceloma ampelinum Causing Grape Anthracnose in Thailand. Journal of Phytopathology, 158: 837–840. doi: 10.1111/j.1439-0434.2010.01696.x
[3] Sompong M, Wongkaew S, Tantasawat P, Buensanteai N. 2012. Morphological, pathogenicity and virulence characterization of Sphaceloma ampelinum the causal agent of grape anthracnose in Thailand. African Journal of Microbiology Research 6: 2313-2320. DOI: 10.5897/AJMR11.1149
[4] Prakongkha I, Sompong M, Wongkaew, Athinuwat D., Buensanteai N. 2013. Changes in salicylic acid in grapevine treated with chitosan and BTH against Sphaceloma ampelinum, the causal agent of grapevine anthracnose. African Journal of Microbiology Research 7: 557-563. DOI: 10.5897/AJMR12.1320
Presence
☐ Present: in all parts of the areaAbsence
☐ Absent: no pest recordsTransience
☐ Transient: non-actionable